ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างโยคะและพิลาทิส
การออกกำลังกายที่บ้านนั้นมีหลายวิธีและกลายเป็นสิ่งที่นิยมทำมากๆ โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2019 ที่โลกเราเผชิญกับเจ้าไวรัสร้ายโควิด 19 เราเลยอาจสงสัยว่าการออกกำลังกายแบบไหนหละดีที่สำหรับเรา? การออกกำลังกายนั้นมีหลายวิธี แน่นอนว่าการออกกำลังกายกลางแจ้งไม่ว่าจะเป็นการวิ่งและปั่นจักยานช่วยเบิร์นแคลลอรี่ได้เป็นอย่างดี เสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ คำถามคือแล้วการออกกำลังกายบนเสื่อประเภทไหนที่เหมาะกับเราที่สุด?การเลือกระหว่างโยคะกับพิลาทิสนั้นอาจจะตัดสินใจยากว่าเราควรเลือกอันไหนดี อันไหนเหมาะสุด ดังนั้นก่อนอื่นเราควรเข้าใจความเหมือนและต่างของการเล่นพิลาทิสและโยคะกัน
สารบัญ
1.โยคะและพิลาทิสมีจุดประสงค์ต่างกัน
ความแตกต่างต่างของพิลาทิสและโยคะ นั้นถูกออกแบบเริ่มต้นด้วยจุดประสงค์ต่างกัน
โยคะ
จุดเริ่มต้นของโยคะนั้นเริ่มจากสมัยอินเดียโบราณ โยคะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการฝึกจิตและกายไปด้วยกันมากกว่าจุดประสงค์เพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ปัจจุบันโยคะเป็นที่นิยมมากในสำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งถูกแบ่งหลายประเภท อย่างเช่นประเทศตะวันตกที่เป็นที่นิยมได้แก่ วินยาสะโยคะและหยินโยคะ ส่วนทางประเทศฝั่งตะวันตก ได้แก่ Rocket โยคะ หรือ Power โยคะ ซึ่งเน้นความแข็งแรง และเคลื่อนไหวเร็ว จังหวะหายใจคือส่วนสำคัญส่วนนึงของโยคะ เพื่อฝึกการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายเราในขณะฝึก
พิลาทิส
พิลาทิสถูกสร้างขึ้นมาโดย Joseph Pilates ช่วงนี้ 1920s เขาได้พัฒนาการออกกำลังกายชนิดนี้เพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะและบำบัดร่างกาย พิลาทิสจะเป็นการใช้กล้ามเนื้อทั้งร่างกายและเน้นการควบคุมการเคลื่อนไหว การหายใจถูกใช้ในแต่ละการเคลื่อนไหวเพื่อใ้ห้ง่ายสำหรับการเคลื่อนไหวของร่างกายและฝึกการใช้กล้ามเนื้อแกนกลาง นอกจากนี้การเล่นพิลาทิสนั้นใช้อุปกรณ์หลากหลาย แต่อุปกรณ์ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นแรงต้าน เพื่อทำให้เราใช้แรงมากขึ้น หรือ support การเคลื่อนไหวบางท่า เช่น reformer หรือ Pilates rings
2.ความเหมือนและต่างของประโยชน์ของพิลาทิสและโยคะ
ทั้งพิลาทิสและโยคะนั้นมีประโยชน์หลากหลาย แต่ทั้งสองมีท่าและลักษณะการออกกำลังกายที่ต่างกันดังนั้น แอดมินจะเขียนข้อเหมือนข้อต่างในทุกคนได้เห็นกันว่ามีอะไรบ้าง
ฝึกการทรงตัวและแข็งแกร่งของร่างกาย
การฝึกโยคะส่วนใหญ่แล้วจะเน้นการ flow ของท่า ความสัมพันธ์ ต่อเนื่องของท่าทางการเคลื่อนไหว ที่ต้องมีการควบคุมและทรงตัวของร่างกายสูง ในขณะเดียวกันเน้นความแข็งแรง ควบคุมการเคลื่อนไหว ออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดที่เราต้องการซ้ำๆ เช่น ท่า hundred เป็นต้น ท่าที่ทำซ้ำๆ ส่วนใหญ่จะเป็นท่าที่ต้องใช้ reformer แต่จริงๆ mat pilates ก็มี แต่การใช้เครื่อง reformer จะต้องใช้กำลังมากกว่าเพื่อออกแรงต้านสปริงที่อยู่กับตัวเครื่อง โดยทั่วไปพิลาทิสนั้นจะเหมาะกับการทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็ง ร่างกายกระชับมากขึ้น ในขณะที่โยคะจะเน้นไปทางความยืดหยุนและการทรงตัว
การบำบัดร่างกาย
พิลาทิสและโยคะนั้นถูกจัดว่าเป็นการออกกำลังแบบ low impact เป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ ดังนั้นเหมาะสำหรับการบำบัดร่างกายได้ หรือเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเอ็น เพื่อป้องกันการบาดเจ็บในอนาคตได้ ในทางตรงกันข้ามโยคะนั้นเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุนโดยการยืดเหยียดเป็นเวลานาน แต่พิลาทิสนั้นเป็นการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรง ยืดหยุนบางส่วนของร่างกาย และเน้นเรื่องการจัดเรียงของกระดูก alginment ของร่างกาย
พิลาทิสและโยคะดีสุขภาพจิต
การเล่นพิลาทิสและโยคะนั้นผู้เล่นจะต้องโฟกัส และมีสมาธิ มิฉะนั้นอาจจะทำให้เราไม่สามารถ control ร่างกายของเราได้ ดังนั้นการที่เราโฟกัสและมีสมาธิกับสิ่งที่เราทำ ทำให้จิตเราไม่ฟุ้งซ้านและสามารถใช้เวลากับปัจจุบันได้
ลดน้ำหนักและการคาร์ดิโอ
การที่เราเบิรนแคลลารี่นั้นเกิดขึ้นได้หลายปัจจัยขณะที่เราออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็น จังหวะการเคลื่อนไหน อุณหภูมิห้อง หรือเทคนิค Power yoga เป็นโยคะประเภทหนึ่งที่ช่วยการเบิรน์แคลลาลี่ได้เป็นอย่างดี พิลาทิสช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ในทางตรงกันข้ามการออกกำลังกายแบบพิลาทิสไม่ใช่การคาร์ดิโอ ที่ต้องมีการออกกำลังกายในจังหวะที่เร็ว พิลาทิานั้นเกี่ยวกับการ control และ balance ร่างกาย ดังนั้นการเคลื่อนไหวจะไม่ไว แต่การเล่นพิลาทิสช่วยเบิรน์ไขมันได้
สรุปข้อมูลที่นำเสนอไปนั้นแสดงให้เห็นถึงความเหมือนและความต่างของพิลาทิสและโยคะ ซึ่งทั้งสองการออกกำลังกายนี้มีจุดประสงค์ที่ต่างกัน โดยตั้งแต่สมัยอดีตโยคะถูกสร้างมาเพื่อเน้นการฝึกสมาธิ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย จะเน้นการหายใจเพื่อให้ผู้ฝึกได้ฝึกสติ ควบคุมลมหายใจ ในทางตรงกันข้ามพิลาทิสแต่เดิมถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษา กายภาพบำบัด โดยเฉพาะ ดังนั้นการเล่นพิลาทิสจึงมีอุปกรณ์การฝึกเยอะ เพื่อปรับให้เหมาะสมกับสรีระของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามทั้งการเล่นพิลาทิสและโยคะนั้นมีประโยชน์มากในหลายๆ ด้าน เป็นการออกกำลังกายทางเลือกที่เป็นที่แพร่หลายในสิบปีให้หลังนี้