เราเคยได้ยินความเชื่อที่ว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จได้ต้องมีหลายปัจจัยซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่เงินทองหรือสิ่งของนอกกายแต่เป็นการมีสุขภาพที่ดีเมื่อเราอายุมากขึ้น สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนสมัยวัยรุ่น ออกกำลังกายได้ แต่อย่างไรก็ตามหลายๆ คนเมื่อถึง 50 อายุปีขึ้นไปแล้วจะพบกับปัญหาสุขภาพ เช่น ข้อต่ออักเสบ ปวดเมื่อยตัวตลอดเวลา ร่างกายไม่ได้แข็งแรงเหมือนสมัยวัยรุ่น ดังที่บางคนเคยกล่าว
สุขภาพดีไม่มีขาย
โชคดีที่ยังมีวิธีที่เราสามารถทำได้ตอนนี้ที่สามารถป้องกัน ปัญหาสุขภาพทรุดโทรมได้เมื่ออายุมากขึ้น เรายังคงสามารถเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายได้เมื่ออายุมากขึ้น นอกจากประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราแล้ว วิธีเหล่านี้ยังช่วยให้ช่วงวัยทองของคุณนั้นสนุกมากขึ้นและร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
วันนี้แอดมินจึงขอนำเสนอ 5 วิธีง่ายๆ ในการรักษาสุขภาพ:
- การเล่นพิลาทิส
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- หากิจกรรม relax เพื่อจัดการกับความเครียด
- ออกกำลังกายเช่น แอโรบิค
- ออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ/ Cross Train
1.เล่นพิลาทิส
ปัจจุบันการเล่นพิลาทิสเป็นกิจกรรมที่เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในประเทศไทยเพราะการเล่นพิลาทิสเป็นกิจกรรมที่สามารถฝึกได้ทุกเพศ ทุกวัย เป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ ซึ่งหมายความว่าทำให้เกิดการบาดเจ็บน้อยลง การบาดเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกายนั้นเกิดได้หลายรูปแบบโดยทั่วไปเราจะพบได้การบาดเจ็บที่เกิดจากการวิ่ง กล้ามเนื้ออักเสบจากการวิ่ง ปวดหน้าเข่า เอ็นใต้สะบ้าอักเสบ เจ็บรอบๆ ลูกสะบ้าหัวเข่า มีอาการตึงได้
ดังนั้นเพื่อหลีกเสี่ยงอาการเหล่านี้ เราสามารถออกกำลังกายแบบอื่นๆได้ด้วย เช่น การเล่นพิลาทิส เพราะการพิลาทิส เน้นออกกำลังกายแบบ แรงกระแทกต่ำ เน้นยืดเหยียด และเป็นการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วน สาเหตุเหล่านี้กายภาพบำบัดหรือโรงพยาบาลหลายที่เลือกใช้วิธีนี้ในการรักษาคนไข้ที่ หรือ ผู้สูงอายุที่ต้องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ดังนั้นไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ก็ตามเราสามารถเล่นพิลาทิสได้ เพราะพิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่สามารถปรับท่าให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้และเสี่ยงการเกิดการบาดเจ็บของร่างกายในอนาคตได้
สนใจฝึกพิลาทิสติดต่อเราได้ที่ Line: @fiftyfiftystudio หรือคลิ๊ก https://fiftyfiftystudio.com/ เพื่อกดจองคลาส
2. รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทำให้คุณควบคุมน้ำหนักได้ และได้รับสารอาหารครบถ้วนที่ร่างกายต้องการ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายและร่างกายที่แข็งแรงขึ้น ในทางตรงกันข้ามการรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ทำให้เราน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ และอาจจะทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบได้ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายเราอ่อนเพลีย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เช่น การทานอาหารครบ 5 หมู่ ผักและผลไม้ที่ล้างสะอาด และดื่มน้ำปล่าว เลี่ยงน้ำหวานที่มีน้ำตาลสูง
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพ: https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/nutrition/
3. หลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ปัจจุบันหลายคนไม่น้อยเลยที่เผชิญกับปัญหานอนไม่หลับหรือนอนน้อยเนื่องจากหลายสาเหตุแต่หนึ่งในสาเหตุนั้นคือการดื่มเครื่องดื่มที่ผสมสารคาเฟอีนมากเกินไปจึงทำให้นอนไม่หลับ ในทุกๆ วันเราต้องใช้ร่างกายของเราในการทำงาน ดำรงชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตามเราควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายของเราได้พักผ่อนซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
วิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณนอนหลับง่ายขึ้น คือ การเพิ่มบรรยากาศให้ห้องนอนของเราน่านอนมากขึ้นโดยการปิดไวให้สนิทและเงียบ พยายามเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กโทรนิค เช่น โทรศัพท์มือถือก่อนที่จะนอน 1 ชั่วโมง เพราะแสงสีฟ้าที่มาจากหน้าจอโทรศัพท์ที่มีผลต่อการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินในร่างกาย ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในเรื่องการนอนหลับของเรา การดูโทรศัพท์มือถือก่อนนอนทำให้สมองของเราคิดว่าเป็นตอนกลางวัน ทำให้เราตื่นตัวและนอนไม่หลับนั้นเอง และสิ่งสุดท้ายที่ควรคำนึงคือเรื่องเตียงนอน การนอนเตียงนอนที่มีคุณภาพ ทำให้เราหลับสบายมากขึ้น ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากเพราะ ⅓ ของชีวิตเราใช้เวลาไปกับการนอนอยู่บนเตียง
เพลงที่ฟังช่วยให้นอนหลับสบาย: https://www.youtube.com/watch?v=mG-haeJBJ0Q
4.หากิจกรรม relax เพื่อจัดการกับความเครียด
ความเครียดนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติซึ่งเกิดได้ทุกเวลา ส่วนใหญ่นั้นมาจากความเครียดเรื่องงาน ครอบครัวและเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ความเครียดนั้นมีผลกระทบที่แย่ต่อสุขภาพร่างกายหลายด้าน ซึ่งการที่เรามีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงทำให้เรายากที่จะฟื้นตัวจากการออกกำลังกาย นอกเหนือจากนั้นยิ่งทำให้เราบาดเจ็บได้ง่ายและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาการจัดการกับความเครียดนั้นมีหลายรูปแบบ แต่มีวิธีที่ง่ายๆ สุดเลยคือ การปิดโทรศัพท์ปิดคอมพิวเตอร์ ใส่หูฟัง ฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายและนั่งสมาธิโฟกัสกับลมหายใจ ซักวันละ 10 นาที
คลิปนั่งสมาธิ 5 นาที:https://www.youtube.com/watch?v=inpok4MKVLM
5.ออกกำลังกายเช่น แอโรบิค
การออกกำลังหนักๆ เช่น การออกกำลังกายแบบยกน้ำหนักเยอะๆ หรือที่มีแรงกระแทกสูงนั้นดีต่อร่างกายแต่บางครั้งอาจทำให้ร่างกายเกิดความเครียดได้และทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา ทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่ข้อต่อจนถึงระบบประสาทนั้นต้องการวันพักเพื่อฟื้นฟูร่างกายเพราะถ้าเราออกกำลังกายอย่างหนักตลอดเวลาจะทำให้ร่างกายเพลียและบาดเจ็บได้ในที่สุด
ดังนั้นเราสามารถออกกำลังกายแบบหนักๆ ที่มีแรงกระแทกสูงๆ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ สำหรับ 20-40 นาที เราสามารถเริ่มด้วยการแอโรบิคเบาๆ เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมและเลือดไหวเวียนได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยให้เราไม่เมื่อยตัวมากหลังจากออกกำลังกายแบบหนักๆ หลังออกกำลังกายควรยืดเหยียดร่างกายหรือใช้ foam roller เพื่อยืดกล้ามเนื้อ คุณจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อคุณเดินออกจากยิม และพร้อมที่จะออกกำลังกายในวันถัดไป
คลิปเต้นแอโรบิค: https://www.youtube.com/watch?v=ULrcDcQabdA
6. ออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ/ Cross Train
ในชีวิตประจำวันเรา การออกกำลังกายถือเป็นการทำกิจกรรมยามว่างอย่างหนึ่ง บางคนชอบไปปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำๆ ทำให้เรามีแนวโน้มที่จะใช้กล้ามเนื้อส่วนใด ส่วนนึงมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดการที่กล้ามเนื้อไม่สมดุล เพราะเกิดจากการทำซ้ำๆ
วิธีแก้คือ การออกกำลังแบบอื่นไปด้วย เพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดที่เราไม่ค่อยได้ใช้ และสกิลใหม่ๆ เช่น ถ้าเราเล่นสกี อาจจะลองกิจกรรมอื่นด้วย เช่น ต่อยมวย หรือถ้าเราชอบวิ่ง เราก็ลองกิจกรรมใหม่เช่น ว่ายน้ำ การออกกำลังกายแบบอื่นควบคู่ไปด้วยทำให้เราได้ออกกำลังเนื้อส่วนอื่นๆ ด้วย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย
เสริมสร้าง Mobility หรือ เพิ่มทักษะการเคลื่อนไหวให้กับร่างกาย
เมื่อเราอายุมากขึ้นประสิทธิภาพของร่างกายในเรื่องของความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหวของร่างกายนั้นลดลงจากแต่ก่อนซึ่งแน่นอนอาจทำให้เราสามารถบาดเจ็บได้ง่ายและทำให้การออกกำลังกายยากมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการออกกำลังนั้นเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย สร้างความเพลิดเพลินให้กับเราได้ด้วยดังนั้นเพื่อเพิ่มทักษะ Mobility ให้แก่ร่างกาย
เราจึงจำเป็นต้องทำการวอมอัฟก่อน เพื่อเตรียมพร้อมร่างกาย หรือวันที่เราไม่ได้ออกกำลังกายเราสามารถใช้เวลาซัก 5 นาทีเพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อให้เรารู้สึกตัวไม่ตึง พร้อมออกกำลังกายในวันถัดไป
การมีสุขภาพที่ดีเป็นเรื่องสำคัญในการใช้ชีวิต ปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เรามีสุขภาพที่ดี ทำให้เรามีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้นในการรักษาสุขภาพ การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพก็แพร่หลายมากขึ้น ตั้งแต่เรามีอินเตอร์เน็ต ทำให้เรารู้ข้อดี ข้อเสีย ของการออกกำลังกายในแต่ละประเภท การกินอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ทำให้เรารู้วิธีชะลอวัยได้ในหลายวิธี เช่น การเล่นพิลาทิส เป็นการออกกำลังกายแบบใหม่ที่เพิ่งมีการแพร่หลายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แล้วยังคงแพร่หลายต่อเนื่องในเมืองไทย เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัย